ต้นฉบับ : https://drive.google.com/file/d/141CnmvOwhOniem8hAsX8s9F3gwJfF0U_/view?usp=sharing
ChatGPT: The Brightest Student in the Class “ChatGPT: นักเรียนที่เก่งที่สุดในห้องเรียน”
เป้าหมายของการวิจัย
ประเมินคุณภาพของสรุปความที่สร้างโดย ChatGPT เปรียบเทียบกับนักเรียนมัธยมปลาย เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำ ChatGPT มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม
วัตถุประสงค์
- เปรียบเทียบคะแนนด้านเนื้อหาและรูปแบบของสรุปความที่สร้างโดย ChatGPT กับนักเรียนมัธยมปลาย
- วิเคราะห์ผลกระทบของเพศ อายุ และประสบการณ์การสอนของครูต่อการให้คะแนน
กรอบแนวคิด
งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาการใช้ ChatGPT ในการสร้างสรุปความ โดยเน้นที่การเปรียบเทียบคุณภาพระหว่าง ChatGPT และนักเรียนในด้านเนื้อหาและรูปแบบ พร้อมทั้งศึกษาปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการประเมินจากครู
วิธีการทดลอง/วิธีการวิจัย
- เลือกตัวอย่างนักเรียนมัธยมปลาย 30 คน อายุ 14–16 ปี จากโรงเรียนในสเปน
- ให้ ChatGPT สร้างสรุปข้อความ PISA 2009 และปรับให้เป็นลายมือของนักเรียน
- ครูภาษา 30 คน ประเมินสรุปข้อความโดยไม่ทราบว่าอันไหนเป็นของ ChatGPT
- ใช้ rubrics ในการประเมินทั้งเนื้อหาและรูปแบบ
กลุ่มเป้าหมาย/กลุ่มทดลอง
- นักเรียนมัธยมปลาย 30 คน (ชาย 14 คน หญิง 16 คน)
- ครู 30 คนจาก 5 ภูมิภาคในสเปน
ผลการวิจัย
- สรุปความที่สร้างโดย ChatGPT ได้คะแนนด้านเนื้อหาและรูปแบบสูงกว่านักเรียนอย่างมีนัยสำคัญ (เนื้อหา +2.5 คะแนน, รูปแบบ +3 คะแนน)
- อายุของครูมีผลต่อการประเมินอย่างมีนัยสำคัญ แต่ประสบการณ์การสอนไม่ส่งผลต่อคะแนน
- งานวิจัยเสนอแนวทางให้ใช้ ChatGPT เป็นเครื่องมือเสริมการเรียนรู้ โดยออกแบบกิจกรรมที่กระตุ้นการคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์
ข้อสรุป
ChatGPT สามารถใช้เป็นผู้ช่วยในกระบวนการเรียนรู้ แต่ควรถูกนำมาใช้ด้วยแนวทางที่ส่งเสริมทักษะสำคัญ เช่น การคิดเชิงวิพากษ์และความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน ไม่ใช่ทดแทนการพัฒนาทักษะเหล่านี้